วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556



ช่วงเวลาที่เร่งรีบ อาจทำให้หลายๆ คน ไม่มีเวลาสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นของร่างกาย วันนี้มี 5 สัญญาณอันตราย บ่งบอกว่าเสี่ยงเกิดโรคใดบ้าง พร้อมคำแนะนำมาฝากกันค่ะ
5 สัญญาณ บ่งบอกถึงโรคภัย ได้แก่
1. ปากเหม็น ไม่ใช่แค่สัญญาณของโรคเหงือกและฟันเพียงอย่างเดียวนะคะ บางครั้งมาจากการที่ดื่มน้ำน้อย และที่แย่กว่านั้นอาจเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากความผิดปกติของหัวใจและกระดูกของคุณถ้าคุณมีภาวะฝันผุง่ายก็ไม่แปลกเลยที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนด้วย พบงานวิจัยในวารสารทางการแพทย์ของประเทศอังกฤษว่า การแปรงฟันช่วยลดความเสี่ยง โรคหัวใจ ได้ โดยผู้ที่แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็น โรคหัวใจ น้อยกว่าผู้ที่ไม่ค่อยแปรงฟันมากถึง 70% ไหมขัดฟันระหว่างซอกฟันยิ่งช่วยให้อาการต่างๆ ดียิ่งขึ้น
2. ริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า เป็นสัญญาณของโรคกระดูกพรุนได้ (Bone Density) ยิ่งใบหน้าและลำคอมีริ้วรอยลึกเยอะยิ่งเสี่ยง เพราะผิวและกระดูกแชร์โปรตีนเดียวกันคือ คอลลาเจน (Collagen) ระดับโปรตีนในผิวหนังมีความเชื่อมโยงกับกระดูก

3. ปื้นสีดำหลังคอ เหมือนคราบขี้ไคล ถ้าคุณอาบน้ำสะอาดแล้วยังขัดไม่ออก เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรค เบาหวาน ได้ ดังนั้น ควรลดอาหารหวาน เลิกเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ และออกำลังกายสม่ำเสมอ รอยดำคล้ำถือเป็นคำเตือนให้คุณรู้ตัวก่อนจะสายไปเด็กสมัยนี้ที่มีน้ำหนักเกินก็เสี่ยงเป็นโรค เบาหวาน ไม่แพ้กัน ลองตรวจหลังคอของคนในบ้านดูนะคะ เด็กอ้วนไม่ได้น่ารักหรอกค่ะน่าสงสารมากกว่า คุณกำลังทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการเกิดโรค
4. เท้าบวม อาจเกิดได้จากอุบัติเหตุทำให้เคล็ดขัดยอกจนบวม, กรรมพันธุ์, ระหว่างตั้งครรภ์, ความอ้วน หรือการใช้ ยา บางชนิดที่ทำให้การกักเก็บน้ำไว้ในขามากเกินไป อาการเท้าบวมนั้นถือเป็นอาการหนึ่งของ โรคหัวใจ เท้าบวมเพราะหัวใจด้านขวาทำงานลดลง จนเลือดจากขาไม่สามารถไหลเข้าไปยังหัวใจด้านขวาได้โดยสะดวก ทำให้มีเลือดค้างอยู่ที่ขามากขึ้นจนบวม

5. ตาเหลือง
ดวงตาเป็นหน้าต่างตับ ไม่ใช่แค่หน้าต่างของหัวใจค่ะ ทำให้เรามองเห็นโรคร้ายที่แฝงอยู่ในกายด้วย ในภาวะปกติตาขาวควรจะสดใสสุขภาพดี ถ้าตาขวาเกิดเปลี่ยนเป็นสีเหลือง อาจเป็นสัญญาณของโรคตับ เช่น ตับแข็งหรือตับอักเสบ นอกจากนี้ ยังบอกความผิดปกติของถุงน้ำดีอีกด้วย
ถ้าอยู่ๆ ตาขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วละก็ ลองพักผ่อนให้เพียงพอ เลือกกินอาหารดีๆ หลีกเลี่ยงสารพิษ และกินวิตามินบำรุงตาสักสองอาทิตย์ ถ้ายังเหลือระยะยาวก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติของตับและถุงน้ำดี หรือภูมิคุ้มกันด้วยนะค่ะ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น