วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

แพทย์แนะวิธีจัด ยา กิน 5 วิธีปลอดภัย เผยคนไข้กิน ยา มากเสี่ยงทั้งพิษจาก ยา และฤทธิ์ ยา ตีกัน แนะให้รู้จักกิน ยา ถูกกับโรคที่เป็นจะทำให้ ยา มีประสิทธิภาพสูงสุด
 
 
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ภายใต้ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (ทีเซลส์) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวแสดงความห่วงใยการบริโภค ยา ที่มากเกินความจำเป็น ว่า ปัจจุบันมี ยา จำนวนมากและ ยา หลายชนิดมีฤทธิ์ซ้ำและก้ำกึ่งกัน เช่น ยาลดไข้ก็สามารถแก้ปวดได้ หรือ ยาละลายลิ่มเลือด ก็แก้ปวดได้ด้วย ทำให้เกิดปัญหา ยา เป็นพิษ ปัญหานี้มักพบได้กับคนที่ ใช้ยาเยอะอยู่แล้ว หรือมียาประจำตัวอยู่แล้ว ต่อไปก็จะเจอปัญหาสับสนกับการ ใช้ยา เพราะประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมอุดม ยา "กฎข้อห้ามข้อหนึ่งคือการกิน ยา ยิ่งมาก ยิ่งเสี่ยงมาก ทั้งพิษจาก ยา และ ยา ออกฤทธิ์ตีกัน อีกข้อหนึ่งคือ กิน ยา มากไม่ได้ช่วยให้หายมากขึ้น ตรงข้ามอาจทำให้ตับวายมากกว่า" น.พ.กฤษดากล่าว
น.พ.กฤษดากล่าวว่า เพื่อระงับปัญหาจากการกิน ยา มาก เวชศาสตร์อายุรวัฒน์มี 5 เทคนิคจัดโปรแกรมกิน ยาไม่สับสน แบบง่ายๆ สำหรับคนกิน ยา เยอะ คือ


  1. แยก ยา เป็นชนิดเขียนชื่อกำกับไว้ให้ชัดเจน
  2. เขียนฉลากโดยเขียนฤทธิ์ ยา สั้นๆ ติดไว้ พร้อมวิธีรับประทาน
  3. ใช้ตลับแบ่ง ยา ข้อนี้ช่วยคนกิน ยา เยอะไม่ให้กินยาซ้ำ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด หากกินซ้ำเข้าไปก็อาจทำให้ตกเลือดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
  4. พก ยา ติดตัวไปหาหมอเพื่อไม่ให้เกิดการจ่าย ยา ซ้ำ
  5. อยากขอให้ถามหากสงสัย โดยเฉพาะเรื่องของ ยา ซ้ำ ให้ถามแพทย์หรือเภสัชกร
ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ กล่าวว่า จากประสบการณ์การรักษาคนไข้ ได้รับคำถามมากมายเกี่ยวกับภาษาทางเคมีและปฏิกิริยาในทางเภสัชวิทยา ทำให้เกิดความสับสนในเรื่องของการ ใช้ยา คือ ยาลดความดันกับยาโรคหัวใจ ยา กลุ่มนี้มีอยู่มากบางตัวลดความดันและทำให้หัวใจเต้นช้าลง แต่ถ้ารับประทานผิดคือซ้ำซ้อนจนทำให้มากเกินไปอาจทำให้ หัวใจเต้นช้า มึนศีรษะ หน้ามืด เหนื่อยไม่รู้สาเหตุ ยิ่งกว่านั้นถ้าเป็นภูมิแพ้หอบหืดอยู่จะถึงขั้นหลอดลมตีบเสียชีวิตได้ ยาลดไขมัน คอเลสเตอรอลกับ ยาลดไขมัน ไตรกลีเซอร์ไรด์ ถูกเรียกให้สับสนว่า " ยาลดไขมัน " เหมือนๆ กัน
 
 

การรับประทานที่มากเกินไปและต่อเนื่อง อาจจะส่งผลให้มึนศรีษะ ไม่สบายตัว ปวดตามร่างกายและทำให้ตับทำงานหนักถึงขั้นเสื่อมเร็วได้ ยาแก้ปวดกับ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาประเภทนี้มักถูกจ่ายคู่กันซึ่งในหลายครั้งไม่จำเป็นต้องกินควบเลย เพราะการได้รับมากไปใช่ว่าจะทำให้ดีขึ้น หลักง่ายคือห้ามคิดว่า ปวดมากต้องกิน ยา มาก อันนี้จะอันตรายหนักขึ้น
 
ยาแก้แพ้กับยาแก้หวัด เป็น ยา ที่ถูกจ่ายบ่อยมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีหลักง่ายคือ ยาแก้แพ้บางชนิดไม่ใช่ยาแก้หวัด และยาแก้หวัดบางชนิดก็ไม่อาจแก้แพ้ได้ ข้อสำคัญคืออย่าใช้ซ้ำซ้อนกันมาก หากเป็นหวัดไปหาคุณหมอขอให้บอกว่าท่าน ใช้ยา เหล่านี้อยู่ครับจะได้ไม่ถูกจ่าย ยา ซ้ำ ยาแก้อักเสบกับยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) ยา 2 ชนิดนี้ไม่ใช่ ยา ตัวเดียวกันเลย แต่ถูกจับมาเรียกจนคุ้นปากคุ้นหู ขอให้ทราบว่ายาแก้อักเสบมีอยู่กว้างมากและฆ่าเชื้อไม่ได้ ส่วนยาฆ่าเชื้อนั้นก็ใช่ว่าจะแก้อักเสบได้เสมอไป ถ้า ใช้ยา ฆ่าเชื้อนานไปจะเสี่ยงเชื้อดื้อ ยา มากขึ้นด้วยยา คลายเครียดกับยานอนหลับ ยา กลุ่มคลายเครียดอาจมีฤทธิ์ง่วงก็จริงแต่ไม่ใช่ ยา ช่วยให้หลับเพราะ ยาคลาย เครียดหรือต้านซึมเศร้ามีฤทธิ์ไปกวนสารเคมีในสมองทำให้เกิดอาการง่วงซึมได้ การรับประทานคู่กันจะยิ่งอันตรายต่อเคมีในสมองมากขึ้น
 
ยา ลดไข้กับยาแก้ปวด ท่านที่ทานยาแก้ปวดเป็นประจำอยู่ เมื่อมีไข้ขอให้ระวังการทานยาลดไข้เพิ่ม และให้หยุดยาแก้ปวดก่อน เพราะ ยา ทั้งสองชนิดมีฤทธิ์ซ้ำซ้อนกันมาก และพิษก็ซ้ำซ้อนกันมากด้วย ยาโรคกระเพาะกับ ยาแก้ปวดบิดไส้ เวลาปวดท้องหมออาจจะให้ ยา ร่วมกันมาทั้ง 2 ชนิด ขอให้ดูให้ดีก่อนรับประทาน หากเป็นโรคกระเพาะไม่มากอาจไม่ต้องกินยาแก้ปวด หรือท่านที่ปวดท้องแต่ไม่แน่ใจว่าจากลำไส้ขอให้เลี่ยงยาแก้ปวดบิดไส้ไว้ก่อน ยา ช่วยระบายกับ ยา ถ่าย ยกตัวอย่าง ยา ช่วยระบายเช่น ใยอาหาร มะขามแขก ส่วนยาถ่ายคือแบบที่ทำให้ปวดลำไส้ถ่ายเหลวคล้ายท้องเสีย หากรับประทานร่วมกันจะทำให้เกิดอันตรายถ่ายจนถึงขั้นช็อกได้
 
ยาละลายลิ่มเลือด กับยาช่วยเลือดไหลคล่อง ยาละลายลิ่มเลือด อย่าง "แอสไพริน" ถ้ากินกับยาที่ทำให้เลือดไหลคล่องอย่าง "วาร์ฟาริน" จะทำให้เกิดเลือดออกได้มากหากไม่ระวัง ดังนั้น เทคนิคคือไม่ควรรับประทานร่วมกันและหมั่นเจาะเลือดดูการแข็งตัวของเลือดอยู่เสมอ
ยาสร้างเม็ดเลือดกับยาธาตุเหล็ก ยา 2 ชนิดนี้บางทีถูกจ่ายคู่กัน แม้จะทานร่วมกันได้แต่มันมีพิษโดยเฉพาะกับ "ธาตุเหล็ก" ในกรณีที่โลหิตจางอย่างไม่แน่ใจขอให้เลี่ยงธาตุเหล็กไว้ก่อนเพราะมันเป็นพิษ กับโลหิตจางชนิด "ธาลัสซีเมีย" ส่วนยาสร้างเม็ดเลือดที่เป็น "โฟลิก" นั้นปลอดภัยรับประทานได้ในเลือดจางทุกประเภท

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น